หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจล่องแก่งลำน้ำว้า ก็มุ่งหน้าเข้าสู่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จองบ้านพักที่ผาชู้ไว้ บ้าน 1 หลัง สำหรับนอน 6 คน มีอยู่ 3 ห้อง 2 ห้องน้ำ แต่เอาเข้าจริงๆอยู่ได้ซัก 20 คนเลยทีเดียว เราไปกัน 14 คนก็เลย เหมาๆเนียนๆเป็น 1 บ้าน กับอีก 1 เต้นท์ แล้วมายัดๆกันในบ้านทั้งหมด
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลามากำจัดเสบียงกันแล้ว แต่ละคนก็เหนื่อยอ่อนจากการล่องแก่งก็กินกันพอเป็นพิธี ซัดเบียร์ไป 1 ลัง พอให้นอนหลับสบาย แล้วก็แยกย้ายกันนอน เพราะวันรุ่งขึ้นต้องตื่นตั้งแต่ 4.30 น. เพื่อเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผาหัวสิงห์ ดอยเสมอดาว
โดนแซะออกจากเตียงพร้อมกับมวลรวมแอลกอฮอล์ที่ยังถูกกำจัดไม่หมด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคไปการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นวันนี้ ลุยๆ!! ขณะเดินทางรถตู้ก็แบกน้ำหนักพวกเราไปไม่ไหว เร่งไม่ขึ้น ก็ต้องสละยาน ช่วยกันเข็ญ ช่วยกันลุ้น ให้ไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น
ไปถึงดอยเสมอดาวทันเวลา สวยงามมากๆ วิวสวยจริงๆ เห็นแล้วรู้สึกอยากจะนอนที่นี่มาก แต่น่าเสียดายที่เมื่อคืนฟ้าปิดก็เลยมองไม่เห็นดาวกัน เดินไปที่จุดชมวิว รอดูพระอาทิตย์ขึ้น บางส่วนก็ปีนขึ้นไปที่ผาหัวสิงห์ที่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โหดมากๆๆ เราอยากขึ้นไปมากๆแต่ท้องไส้ปั่นป่วนก็เลยตามขึ้นไปไม่ทัน ก็นั่งรออยู่ข้างล่างดีกว่า
ไม่นานพระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า หมอกก็พยายามหนีความร้อนจากดวงอาทิตย์หล่นมากองอยู่ด้านล่าง บางส่วนก็ไหลไปกองที่อีกหุบเขาหนึ่ง สวยงามมากๆๆ
เท่าที่ดูเราชอบวิวของที่นี่ที่สุดเลยล่ะ ทะเลหมอกก็สวยงามมากจริงๆ ไม่เคยเห็นทะเลหมอกที่สมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งก็เข้าใจว่าทะเลหมอกต้องมาดูตอนหน้าหนาวเท่านั้น แต่จริงๆแล้วช่วงปลายฝนต้นหนาวนี่แหละ สุดยอดที่สุดแล้ว ^^
หลังจากดื่มด่ำและธรรมชาติและชักภาพกันจนสาแก่ใจแล้ว ก็เดินทางกลับที่พักอาบน้ำแต่งตัวแล้วขนสัมภาระขึ้นรถ พร้อมลุยผาชู้ต่อ.. เย่!
ไปถึงก็ลุยทันที ทางขึ้นเขามันชันอย่างต่อเนื่อง เดินๆเข้าไป ทางขึ้นผานี่สุดๆไปเลย มีแต่หินกับหน้าผา ถ้าพลาดนี่ตกเขาเอาง่ายๆเลย เป็นทางเดินทางเสียวที่สุดตั้งแต่เคยปีนเลย นึกแล้วยังเสียวไม่หาย ใครหนอเป็นคนคิดเอาเสาธงขึ้นไปปักที่ยอดหน้าผาเนี่ยยยย!!
เดินกลับลงมา เดินทางไปกินข้าวกลางวันในตัวเมืองนาน้อยเติมพลังพร้อมเดินทางไปยังเสาดินนาน้อยต่อไป
แดดแรงมากกก!! แต่ยังไงเราก็จะสู้ เดินบุกเข้าไปเลย!! ผิวไหม้ก็เพราะที่นี่แหละ 55
ที่นี่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อว่าต้นดิ๊กเดียม มีความพิเศษตรงที่เมื่อเราเอานิ้วไปจี้ที่ลำต้น กิ่งและใบมันจะสั่นไหวราวกับคนบ้าจี้ ฟังแล้วเหมือนในนิยายแฟนตาซี แต่มันเป็นยังงั้นจริงๆนะ ลำต้นมันไวต่อการสัมผัส คงคล้ายๆกับไมยราบล่ะคับ เราก็จี้เล่นจนพอใจ แล้วก็ขึ้นรถเตรียมตัวบุกอุทยานแห่งชาติขุนสถานกัน!!
อุทยานแห่งชาติขุนสถานเป็นอุทยานเปิดใหม่ สวยมากกกกก บรรยากาศดีสุดๆไปเลย ตอนแรกกะจะนอนที่นี่เพราะดูรูปแล้วชอบมากห้องนอนผนังเป็นกระจกตื่นมาเห็นทะเลหมอก เหมือนลอยอยู่ในสวรรค์ แล้วตอนนี้ค่าที่พักก็ยังไม่ต้องเสีย แต่จองไม่ทันมันเต็มไปอย่างรวดเร็ว น่าเสียดาย ก็คิดว่ายังไงก็ขอแวะมาเชยชมเสียหน่อย ถ่ายรูปไว้เยอะมาก
พอถึงตอนเย็นก็แวะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่บ้านชาวบ้านแถวนั้น สวยงามมากก ^^
เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวในตัวเมืองแพร่ แล้วมุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร พร้อมรับมือกับงานท่วมถ้นต่อไป
จบแล้วครับสำหรับทริป 3 วัน 2 คืน ในเมืองน่าน เป็นทริปที่มีความสุขมากๆ ได้เที่ยวจุใจจริงๆ แล้วแต่ละที่ก็สวยงามสุดยอดไปเลย ^^
ใช่จ่ายไปทั้งหมด 4600 บาทถ้วนๆ ถือว่าคุ้มมากๆเลย
ธีรเดช เที่ยวหลังชนฝา
จริงด้วยอะ เที่ยวเยอะน่าอิจฉาจิงๆ
รูปสุดท้ายนี่เป็นทูโทนปะ แต่รสช๊อกโกแล็ต
เที่ยวบ้าระห่ำได้ใจมากๆ รูปสุดท้ายนี้ ไม่ได้แต่งใช่มะ 55 เหมือนเอาอะไรไปเคลือบแขนไว้
สุดยอดเลย trip นี้ น่าสนุกมาก แต่ท่าทางจะโหดสุดๆ เที่ยวหลังชนฝาเลยน้า 🙂