ทริปนี้วางแผนกันข้ามปีเลยทีเดียว คุยกันตั้งแต่ May 2015 ช่วงงาน TDEX ลากยาวมาจนใน Chat Group จนสุดท้ายสรุปได้วันมาช่วง 2-9 Apr 2016 เรือ MV AriQueen กับสมาชิกจากประเทศไทย 12 ชีวิต สู่ท้องทะเลหมู่เกาะมัลดีฟส์
หลังจากได้วันก็หาซื้อตั๋วเครื่องบินกัน แบ่งเป็น 2 ทีม ทีมไฮโซบินตรง Bangkok Airways ราคา 23k กับทีมโลโซของเรา บิน SriLankan Airlines ราคา 14k แวะ Transit ที่ Colombo, SriLanka ไหนๆก็แวะแล้ว ก็เลยจองไฟลท์ห่างๆมีเวลาสัก 14 ชม. แล้วขอ Transit Visa ออกไปเที่ยว Downtown Colombo ดีกว่า
แผนการเที่ยว
1 Apr 16 - Bangkok -> Colombo -> Male
2 Apr 16 - Check-in MV AriQueen / Check dive #1
3-7 Apr 16 - 3 Dives a day
8 Apr 16 - Last dive #17 / Male city tour
9 Apr 16 - Check-out MV AriQueen / Male -> Colombo / Colombo City tour
10 Apr 16 - Colombo -> Bangkok
Maldives
ภูมิประเทศ พื้นที่ความยาวจากเหนือจรดใต้ 821 กิโลเมตร จากตะวันออกจรดตะวันตก 120 กิโลเมตร แต่เป็นพื้นที่ดินรวมเพียง 300 ตารางกิโลเมตรมีจุดสูงสุดเพียง 2.3 เมตร ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง 26 กลุ่ม (atoll) รวม 1,190 เกาะ มีประชากรอาศัยอยู่เพียงประมาณ 200 เกาะ และได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว 74 เกาะ ภูมิอากาศเป็นแบบเขตร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 27 – 30 C ตลอดทั้งปีช่วงที่ปราศจากมรสุม ได้แก่ ช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม
MV AriQueen
เรือ Live Aboard ที่มัลดีฟส์ใหญ่โตมโหฬารกว่าที่เมืองไทยเยอะมาก นอกจากเรือจะใหญ่กว่าแล้ว ยังมีเรือลำเล็กอีกลำ ไว้สำหรับพาไปดำน้ำโดยเฉพาะ แยกโซนดำน้ำออกไปอีกลำเลย ดังนั้นพื้นที่ใช้สอยเรือลำใหญ่เยอะแยะมากมาย ห้องนอนทั้งหมด 12 ห้อง มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด พื้นที่ส่วนกลางไว้กินข้าวไว้บรีฟ ขึ้นไปอีกชั้นเป็นโซนตากอากาศโซนบาร์ ชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าไว้ตากผ้า นอนดูดาว ชมวิว มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากกกก
วัสดุในเรือส่วนใหญ่ทำจากไม้ ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือปลวก แรกๆก็ไม่ค่อยเห็นตัวหรอกนะ เห็นแค่เศษผงไม้โดนแทะอยู่ตรงวงกบประตู แต่หลังๆนี่บินว่อนให้เห็นเลย แล้วก็มีพวกแมงมุมตัวจิ๋วชักใยห้อยลงมาจากโคมไฟ ก็ไม่ได้กระทบกับการหลับนอนเท่าไร แต่เห็นแล้วรู้สึกรำคาญมากกว่า
พื้นชั้นล่างเดินยวบยาบรู้สึกกลวงมาก ก็แอบคิดว่าถ้าปลวกกินเรือขนาดนี้ สักวันเดินๆอยู่อาจจะทะลุลงไปห้องเครื่องก็เป็นได้
รายละเอียดและภาพเรือดูได้จากเว็ปไซต์จ้า
https://diviac.com/liveaboard/maldives/ari-queen
http://www.ariqueen.com/facilities.html
https://www.facebook.com/ariqueen.maldives
ชีวิตบนเรือ
ชีวิต Live Aboard ก็น่าจะเหมือนๆกันหมด
ตื่น -> ดำน้ำ -> กิน -> นอน -> ดำน้ำ -> กิน -> นอน -> ดำน้ำ -> กิน -> นอนนนน
วนเวียนไปตามวัฏจักรอย่างนี้ไป 5 วัน สิ่งที่ต่างเมืองไทยก็คือที่นี่ดำวันละ 3 ไดฟ์ กำหนดการแต่ละวันก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ dive site และการเคลื่อนเรือ
06:00 Wake up
06:30 Brief / Dive #1
08:30 Breakfast
10:30 Brief / Dive #2
12:30 Lunch
14:30 Brief / Dive #3
16:30 Snack / Afternoon tea
19:00 Dinner
เนื่องจากดำแค่วันละ 3 Dive เราจะมีเวลาว่างบนเรือเยอะมาก ส่วนใหญ่จะหมดเวลาไปกับการเขียน dive log และขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าเรือ วิวมันสวยมากจริงๆนะ ไม่ค่อยได้นอนเท่าไร นั่งรอชมวิวระหว่างทางดีกว่า วิวแนวปะการังตอนเรือแล่นผ่านมันสวยงามแปลกตามากๆเลย
ชีวิตดำน้ำ
จุดดำน้ำในมัลดีฟส์จะเป็น Drift Dive ซะส่วนใหญ่ คือลงน้ำแล้วก็ดำปล่อยตัวตามกระแสน้ำไปทางเดียว หรือไม่ก็จะดำแถว Corner แล้วปล่อยไหลไปตาม Channel เรื่อยๆ สนุกดี ทั้งทริปมีโอกาสได้ดำน้ำนิ่งๆแค่ประมาณ 2-3 ไดฟ์เอง ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี
ทริปนี้ดำทั้งหมด 17 ไดฟ์ 1 check dive / 2 night dive ปกติเรือจะให้ night dive แค่อันเดียวให้เลือกว่าจะดู Manta Ray feeding หรือ Shark Point แต่รอบนี้เค้าใจดีจัดให้ 2 night dive เลย โชคดีมากๆ
- Manta Ray feeding เค้าจะเปิดไฟท้ายเรือ ให้ plankton มารวมตัวกันเยอะ พอมี plankton เยอะๆ Manta Ray ก็จะเข้ามากิน มาทำ Summersault กวาดอาหารไปเป็นรอบๆ เราก็ดำลงไปใต้น้ำนั่งดูมันกินอาหารด้วยความเมามันส์ รอบนี้มากัน 6 ตัวเป้งๆ และตัวลูกอีก 1 ตัว ตอนจบไดฟ์มี Stingray ตัวใหญ่ โฉบมาทักทายอีก 2 ตัว
- Shark Point ดำลงไปที่ใต้ resort ซึ่งเป็นศูนย์รวมของ Nurse Shark ตัวเป้งๆ น่าจะประมาณ 2 เมตรได้ ใหญ่กว่าที่วาดไว้ในหัวเยอะม๊ากกกก เห็นครั้งแรกตกใจเลย แต่หลังๆก็เริ่มชิน มี Stingray ตัวใหญ่ Black-tip Shark แล้วก็พวก Travelly Tuna ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น เรือลำเราให้ไปนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้ feed เหมือนเรือลำอื่น เพราะถ้า feed มันจะคลั่งมาก ซึ่งแค่นี้ก็ตื่นเต้นมากพอล่ะ โดนหางฉลามตบหัวไปตั้งหลายที
มามัลดีฟส์รอบนี้ก็เลยได้เจอปลาตัวใหญ่ๆเต็มเลย ทั้งแมนต้า ฉลามวาฬ ฉลามครีบขาว/ดำ โลมา เต่า ทูน่า บาราคูด้า หมึกยักษ์ มอเร่ย์ฮันนี่โคม และอื่นๆอีกมากมาย คุ้มค่าทุกนาทีม๊ากกกกก
และนอกจากจะได้เจอปลาตัวใหญ่เขตร้อนอย่างครบถ้วนแล้ว ยังได้เจอสภาวะการดำน้ำทุกรูปแบบอีกด้วย ทั้งน้ำนิ่ง น้ำไหล น้ำยก น้ำดึง น้ำดูด น้ำร้อน น้ำเย็น น้ำแรง น้ำแรงมาก น้ำแรงมากมาก ถือเป็นการฝึกปรือวิทยายุทธใต้น้ำได้ดีจริ
- น้ำไหล ก็เลยลงพลาดไป pinnacle นึง ต้องตีขาต้านน้ำย้อนกลับไปประมาณ 100 เมตร ตีขาข้ามไปเฉยๆก็คงจะไม่แปลกอะไร แต่นี่พาลงไป 30 เมตร และตีขาข้ามเกาะมุ่งหน้าไปยัง open space อันเวิ้งว้าง โอ้วววว.. จะตื่นเต้นไปไหน
- น้ำแรงมากๆๆ ลงปุ๊บ ต้องรีบตีขาให้เร็วที่สุด เพื่อเข้าไปยัง pinnacle ตีขาจน choke อากาศหายไป 40 บาร์ ภายใน 3 นาที เหนื่อยมากกกก ถึงเกาะแล้วว่ายไปทางไหนก็เจอแต่กระแสน้ำ ซัดแบบว่าต้องคลานต่ำกันเลยทีเดียว ดำน้ำด้วยแขน ฮ่าๆ สุดท้ายไม่ทันได้ดูอะไร อากาศก็หมดกันซะล่ะ จบไดฟ์กันอย่างรวดเร็ว
- กระโดดลงไปปุ๊บถูกน้ำดึงลงอย่างช้าๆแบบไม่
รู้ตัว สักพัก Dive Computer ร้องเตือนกันระงมทั้งทีม เหลือบตาดูอีกทีก็ลงไปที่ 26m เป็นที่เรียบร้อยภายใน 1 นาที ณ เวลานั้น Dive Lead เห็นท่าไม่ดี ก็เลยสั่งให้ทุกคนขึ้นผิวน้ำ ที่น่าตกใจคือมีคู่รักคนจีน panic ทำไรไม่ถูก และอยู่นิ่งๆ พาร่างดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ น่าจะไปถึง 35m+ กันเลยทีเดียว Dive Lead เคาะเรียกกันวุ่นวาย ไอ่เราพยายามตีขา ตียังไงก็ไม่ขึ้น ยิ่งตียิ่งลงลึก จนสุดท้ายต้องเติมลม BCD เพื่อช่วยพยุงขึ้น ซึ่ง effect ที่หนีไม่พ้นคือ ขึ้นเร็วเกินไปจนติด Slow และโดน mandatory safety stop ติด Ceiling ไปกันคนละ 4 นาที ครบถ้วนกระบวนความ ครบทุกหลักสูตร Dive Comp ภายใน Dive เดียว
การดำน้ำที่สำคัญที่สุดคือสติ ทุกนาทีที่อยู่ใต้น้ำคือชีวิตของเรา เราต้องครองสติให้อยู่ เรื่อง panic มันเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อ panic แล้ว เราต้องดึงสติเข้าร่างให้เร็วที่สุด
Colombo City Tour
ขากลับบินมาลง Colombo มีเวลาต่อเครื่อง 14 ชม. เหมารถมินิแวนพร้อมคนขับ ตั้งแต่ 12:00 – 22:00 ราคา US$80 ก็โอเคนะ วิ่งไปจุดสำคัญๆใน downtown ตามรูปนี้เลย
แล้วก็ไปตากแดดแวะซื้อของ shopping กันทั่วเมือง ตกเย็นก็แวะกินข้าวกันที่ Dutch Hospital แล้วก็เดินทางกลับสนามบิน
หลังจากได้มาเที่ยว Downtown Colombo 1 วันเต็มๆ ทำให้ได้รู้ว่า เมืองแม่มไม่มีอะไรให้เที่ยวเลยยยยย วันเดียว ครั้งเดียวก็เกินพอล่ะ
ถ้าพูดถึงสภาพเมืองก็ถือว่าเป็นเมืองที่เจริญแล้วนะ ถนนดีเลยหล่ะ ที่สำคัญสายไฟลงดินทั้งเมืองนะจ๊ะ (มัลดีฟส์ก็ลงดินด้วยเหอะ)
ค่าใช้จ่าย
เนื่องจากเป็นการเดินทางแบบ Live Aboard ก็เลยจะเหมารวมทุกอย่างไปหมดแล้ว
ที่เหลือก็จะเป็นค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง ค่าเที่ยว Colombo คำนวณที่ Rate US$1 = THB35
แพงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะค่าเงินขึ้นดีดขึ้นไปกว่าตอนที่ตัดสินใจประมาณ 5 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์ พูดง่ายๆก็แพงขึ้นกว่าเดิม 7,625.00 บาท แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับทริปนี้ มาเที่ยวมัลดีฟส์ 7 วันเต็มๆ ได้ล่องเรือ ชมวิวเกาะต่างๆ ชมรีสอร์ทนับไม่ถ้วน ได้ขึ้นเกาะไป Dinner ชิลๆ ได้ดำน้ำดูปลามากมาย ได้ไปเที่ยว SriLanka ตั้ง 1 วันเต็มๆ โคตรคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มอีก 🙂
ธีรเดช ณ ดินแดนสวรรค์