เวลาผ่านมา 2 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ up blog เลย วันนี้เลยตั้งใจกลับมาเขียนสักหน่อย แต่ก็นึกประเด็นไม่ออกเลย รู้แต่ว่าช่วงนี้ความจำสั้นมาก ถึงมากที่สุด หัวไม่อยากจะคิดอะไรเลย อยากนั่งอยู่เฉยๆเงียบๆ รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระมากๆ ถ้าจะกลับไปเรียนตอนนี้คงแย่แน่เลย
นับวันรู้สึกว่าความคิด ความอดทน ความตอบสนองต่อสิ่งรอบกาย มันเริ่มแย่ลงทุกทีๆ ยืนออกมามองตัวเองแล้วรู้สึกว่า มันไม่ใช่ตัวเราหว่ะ ทำไมตัวเราถึงเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งกลับมาอ่าน blog เก่าที่เคยเขียนไว้ บางทียังงงเลย เฮ้ย เราเคยผ่านเหตุการณ์อย่างงี้มาในชีวิตด้วยเหรอ เราเคยมีความคิด มีทัศนคติต่อสิ่งรอบกายยังงั้นด้วยหรือ มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากเลย ทุกอย่างมันดูแย่ลง สิ่งดีๆมันก็หายไป เลือนหายไป หรือว่ามันจะเป็นสัจธรรมว่ะ เวลาผ่านไปอะไรมันก็เปลี่ยนแปลง อะไรมันก็เปลี่ยนไป ครับ! ผมเชื่อข้อนี้ แต่มันเปลี่ยนเร็วไปไหมครับ มันเร็วจนรู้สึกว่า เฮ้ยชีวิตนี้มันช่างดูไร้คุณค่าไปเลย สิ่งที่ทำมา สิ่งที่เคยภาคภูมิ ไม่นานมันก็สลายไปหรือ??
ตอนนี้ก็ขึ้นปีที่ 5 แล้วสินะ สำหรับ spaces แห่งนี้ ผ่านมา 4 ปี นับวันเราก็เริ่มเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้บรรจงเขียนออกมา มันเป็นจดหมายเหตุที่ดีเยี่ยมเลยล่ะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้ระลึกไว้ว่าเราเคยผ่านอะไรมาบ้าง สิ่งดีสิ่งแย่หรือสิ่งที่ไม่อยากจำ มันก็อยู่ในนี้ ได้เห็น ได้บันทึกบทเรียนต่างๆ ได้กลับมานั่งอ่านความคิดตัวเองเก่า มันไม่เหมือนเดิมจิงๆ
มันน่ากลัวจริงๆนะ อาทิตย์ที่แล้วเข้ามาอ่านประวัติตัวเอง เส้นทางสู่โปรแกรมเมอร์ อ่านแล้วขนลุก ไม่น่าเชื่อว่าเราอ่านแล้ว เหมือนไม่ใช่ชีวิตตัวเอง หลายส่วนหลายตอนอ่านแล้วต้องฉุกคิดว่ามันเคยเกิดขึ้นกับเราด้วยเหรอ.. เฮ้ย!! กูเป็นไรว่ะ หลายอย่างเลือนหายไปเร็วมาก อ่านไปแล้วจากขนลุกกลับกลายเป็นความเศร้า สิ่งต่างๆในหัวกูนี่มันจะอยู่ได้อีกนานเท่าไรว่ะ วันดีคืนดีตื่นมากูอ่านจะลืมก็ได้ว่า กูเป็นใคร และกูทำอะไรอยู่ว่ะเนี่ย…. แต่พออ่านจบแล้วก็กลับมารู้สึกภูมิใจว่า เออ ชีวิตกูแม่งเป็นนิยายมาก กว่าจะสร้างตัวจากเด็กฐานะปานกลางต้องขอทุนที่ไม่มีใครสนใจตอนปีหนึ่ง อยากเข้าสังคมกับเพื่อนๆแต่ขัดสนด้านเงินทองจนหลายคนก็สงสารเป็นธุระให้ คืนสู้เหย้าโรงเรียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลากหลายความกดดันประดาเข้ามา จนต้องผันตัวเองมาเป็นนักล่ารางวัลตอนปีสอง เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ก็เอามาเป็นทุนนี่แหละ เก็บไปเรื่อยๆ จนจบ ก็เอามาซื้อบ้านให้ครอบครัว ภาระกิจยิ่งใหญ่ข้อแรกของชีวิตข้าพเจ้าผ่านไปแล้ว.. จงภูมิใจเสียเถิดนะ
สับสนว่ะ กูเหนื่อยว่ะ หลังจากจบมากูใช้คำว่าเหนื่อยสุรุ่ยสุร่ายมากเลย นั่นสิ.. ความอดทนกูต่ำลงสินะ
ธีรเดช ณ ภวังค์แห่งความสับสน
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้มานะครับ ^^
บางที…อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงไปได้อยู่ตลอดเวลา
แต่นิวเชื่อนะ..ว่า สิ่งที่พี่ธีเคยได้ทำ ได้ผ่านมันมา ถึงมันจะอาจเลือนลางไปบ้าง ณ ตอนนี้
แต่ยังไงก็ตามมันก็ยังคงฝังอยู่ในส่วนลึกๆของความทรงจำ ของพี่ธีอยู่แล้ว
เพราะมันเป็นสิ่งที่พี่ธีสร้างมันมาด้วยตัวเอง
นิวประทับใจมากจริงๆเลยนะ ครั้งแรกที่ได้บังเอิญเข้ามาอ่านเสปซ
อ่านเรื่องราวชีวิตของพี่ธีที่ผ่านมา…อ่านแล้วแบบ
"โห พี่คนนี้สุดยอดมากจริงๆ"
นิวไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไรนะคะ
ยังงัยก็ พยายามเข้านะคะพี่ธี!!!
พี่ผ่านเรื่องราวต่างๆเมื่อก่อนมามากมาย
เรื่องที่เกิด ณ ตอนนี้…ในอนาคตเมื่อพี่ธีมองกลับมา
ก็จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พี่ธีผ่านมันไปได้แน่นอนคะ นิวเชื่อ!
(^_______^)V
สู้ๆ เน้อ . . . ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะก็ "เหนื่อย" เหมือนกัน ก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากบอกตัวเองให้สู้เหมือนกัน ^ ^
เป็นคล้ายๆพี่อ่ะ บางทีก็ลืมไปเลยว่าเสาร์อาทิตย์ทำอะไรไปบ้าง
ต้นว่าหลายๆคนก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับพี่อ่ะว่า เวลาทำงานแล้วมันก็เหนื่อย เพราะมันใช้"ทั้งตัว"ในการทำงาน แต่ต้นก็อาจจะโชคดีที่มีเพื่อนร่วมงานดี หัวหน้าดี (ถึงแม้ว่างานจะไม่ค่อยดีเลย –") ความเหนื่อยมันก็เลยไปอยู่ที่ตัวงานอย่างเดียว ตอนนี้ต้นคิดแค่ว่าทำงานเพื่อจะเก็บเงินไปเรียนต่อถึงแม้ว่ามันจะยากก็ต้องลองอ่ะ
ต้นว่าพี่เก่งนะ พี่มีจุดมุ่งหมายของพี่ แล้วพี่ก็ทำจุดหมายของพี่ได้สำเร็จแล้ว (ยินดีด้วยครับ ^^)
เหนื่อยแต่ก็ต้องทนแหละพี่ ชีวิตมันถึงจะสนุกและคุ้มค่า
ปล.เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสเปซเหมือนเป็นที่บันทึกเรื่องราวชีวิตของเราจริงๆ
อยาก comment ดีๆ แต่เรียบเรียงไม่ถูกแฮะ
เอาเป็นว่า สู้ๆนะ พอเหนื่อยแล้วมันก็เลยมองอะไรไม่ค่อยสดใสน่ะ แต่พอเวลาผ่านไปแล้วเรื่องต่างๆมันก็จะผ่านไป พอถึงจุดที่เหนื่อยน้อยลงแล้ว เดี๋ยวก็ดีเองล่ะ 😀
เราสิ กลับไปอ่าน blog เก่าๆตัวเองแล้วแบบว่า เอ้อ บัว เป็นไปได้เนอะ – -" แหะๆ พอมีอารมณ์แล้วบ้าจริงๆ แต่ก็เก็บไว้ เป็นเครื่องเตือนใจ 555