05:00
ลากสังขารตื่นมาอีกแล้ว เตรียมตัวเดินทางไกล.. แบก Backpack ขึ้นบ่า ย่องออกจากที่พักในขณะที่เจ้าบ้านกำลังหลับอยู่ เพื่อไปให้ทันรถไฟเที่ยว 06:01
05:45
วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้ใช้ JR Pass และก็เป็นวันแรกที่จะได้นั่ง Shinkansen วู้วๆ ตื่นเต้นๆ เคยฝันไว้ตอนเด็กว่าขอให้ได้อยู่บนรถไฟขบวนนั้นสักครั้ง 🙂 แล้วก่อนไปก็ไปดูเรื่อง Inception แล้วมีฉากบน Shinkansen ก็ยิ่งตอกย้ำภาพในอดีต แต่ครั้งนี้มันไม่เป็นแค่ความฝันแล้วล่ะ ดูฉากนั้นจบก็บอกกับตัวเองว่า เดี๋ยวกูก็จะได้นั่งแล้วนะ สราดดดดดดดดด ^^
ครั้งนี้มาถึงสถานีเวลาเหลือเฟือเลย.. ก็เลยเอาข้าวปั้นที่ซื้อไว้วันแรกมากิน ปรากฏว่า แข็งโป๊ก! ต้องบิเอาแต่ไส้มันมากิน ชีวิตรันทดจริงๆ แล้วไปกดซุปข้าวโพดกระป๋องจากตู้มากิน นั่นทำให้รู้ว่า การที่ได้ดื่มของร้อนๆท่ามกลางอากาศหนาวๆมันช่างมีความสุขจริงๆ นอกจากจะอิ่มอร่อยยังได้คลายหนาวจากกระป๋องของมันอีกด้วย 🙂
06:01
จับรถไฟตามเส้นทางดังต่อไปนี้
Shinkoiwa —-> Tokyo —(Shinkansen Hikari 501)–> Nagoya —(JR Takayama Line)--> Takayama
ซื้อข้าวไปกินบน shinkansen ด้วย มีความสุขจริงๆ 🙂
11:05
ไปถึง Takayama ปุ๊บ ฝนก็เทลงมาปั๊บ ก็หนักอยู่ รีบวิ่งเข้าไปที่พักผู้โดยสาร แล้วหาซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปยังเมืองมรดกโลกที่มีชื่อว่า Shirakawago นั่งต่อไปจาก Takayama ประมาณ 1 ชม.
ซื้อตั๋วได้ก็วิ่งฝ่าฝนไปยังตู้ locker เพื่อฝากสัมภาระใหญ่ๆไว้ เอาไปเฉพาะที่จำเป็น แล้ววิ่งฝ่าฝนไปหาซื้อร่มที่ร้านค้าแถวๆนั้นต่อ.. จริงๆตั้งใจจะซื้อร่มที่ญี่ปุ่นกลับไปฝากที่บ้านอยู่แล้วล่ะ เพราะมันบางๆพกพาง่ายดี ดูแข็งแรงดีด้วย สุดท้ายก็ได้ซื้อมาใช้ก่อนเลย ฮ่าๆ เลือกสีเขียวอ่อนสดใส เตรียมไว้เป็น prop สำหรับถ่ายรูป ^^
11:50
กว่าจะเสร็จเรื่องก็ถึงเวลารถออกพอดี เค้าบอกว่าเส้นทางขึ้น Shirakawago วิวสวย ห้ามพลาด ไอ่เราก็ดูได้แค่ต้นๆ มันไม่ไหวจริงๆ สุดท้ายก็หลับ ตื่นมาอีกทีก็เกือบถึงล่ะ
12:50
ถึง Shirakawago ฝนยังตกปรอยๆอยู่อ่ะ.. หมู่บ้านมรดกโลกของฉันเปียกแฉะหมดเลย อุตสาห์นั่งรถมาหลาย ชม.. ฝนดันตกได้ซะนี่.. ไม่เป็นไร ลุยโลดดดดดด!! เดินข้ามสะพานแขวนเพื่อเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน 🙂
จุดเด่นของหมู่บ้านนี้คือจะเป็นบ้านไม้ที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู โดยมีหลังคาทรงสูงมุงด้วยฟางข้าว ทำมุมกัน 60 องศา เพื่อรองรับหิมะที่ตกในหน้าหนาว จะได้ไหลลงพื้นไม่เกาะหนาหนักอยู่บนหลังคา
ถ้ามีโอกาสได้ไปช่วงหน้าฝนก็จะได้เห็นหลังคาถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของมอสเต็มไปทั่วบริเวณ
ส่วนในหน้าหนาวหมู่บ้านนี้ก็จะขาวโพลนไปด้วยหิมะ นึกภาพแล้วอยากไปจริงๆ
เดินๆไปท้องก็ร้องไม่หยุด เออหว่ะ ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยนี่ ก็เลยแวะไปกินอุด้งกับโซบะในหมู่บ้านดูหน่อย รสชาติน้ำซุปก็อร่อยเป็นปกติของที่นี่ แต่ทีเด็ดอยู่ที่เส้นโซบะ อร่อยจริงๆ
กินเสร็จก็เดินแวะชมทั่วเมือง แล้วขึ้นไปที่จุดชมวิวท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ด้วยสภาพแสงอย่างงี้ถ่ายภาพออกมาสีตุ่นมากมาย ><
เดินลงมาจากเขา หาอะไรกินนิดหน่อย แล้วก็ได้เวลากลับพอดี ยืนรอรถนิดหน่อย
16:00
นั่งรถกลับ Takayama เหนื่อยๆ ฝนตกปรอยๆ แล้วจะเหลือเหรอ หลับอีกเช่นเดิม
17:00
ถึง Takayama ก็ไปเอาของออกจาก locker แล้ว เดินไปเรื่อย ประมาณ 3 ไฟแดงได้ มุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักสำหรับคืนนี้ Minshuku Kuwataniya
check in แล้วเดิน survey นิดหน่อย ห้องอาบน้ำเล็กมากกกก บ่อแช่ก็โคตรเล็ก จริงๆคนเดียวก็เกือบเต็มล่ะ เคยทำสถิติ 3 คน ฝรั่งอีกคนเดินลงมา น้ำหายไปครึ่งบ่อ >< ดูเค้าจะเขินๆนะ ฮ่าๆ
พักผ่อนนิดหน่อย ก็ได้เวลาไปตามเก็บ checklist สำหรับเมืองนี้ก็คือ ทะแด๊นนนน!! เนื้อฮิดะ ราคาเร้าใจ ฮ่าๆ
19:00
เดินๆ หาร้านอยู่ในเมืองนี่ล่ะ เต็มไปหมดเลย แต่ไม่รู้จะเข้าร้านไหนดี บังเอิญเดินผ่านร้านนึง ไม่มีคนเลย แต่บรรยากาศมันชวนเข้าไปจริงๆ ร้านตกแต่งได้เรียบมากกกก.. แต่ดูมีอะไรให้ค้นหา ฮ่าๆ..
เดินเข้าไปไม่มีใครเลย พนักงานก็ไม่มี ต้องกดกริ่งหน้าร้าน สักพักก็มีสาวสวยเดินออกมา มาดดูเป็นพวก AE เลย มาถึงก็เสริฟน้ำแนะนำเมนู เห็นราคาแล้วพยายามจะไม่คิดอะไร มาถึงที่แล้วต้องลอง!!
อยากดูราคาเต็มๆกดที่ภาพได้เลยครับ
สั่งไป 2 ชุด HIDAKUNI SET และ OUR BEST BBQ SET พร้อมเบียร์ Takayama 1 ขวด รับออร์เดอร์เสร็จเธอก็เดินเข้าไปในครัว ไอ่เราก็เอามือปาดเหงื่อทันที เฮือกก! กรอบแกรบหนอออ..
สักพักคุณเธอก็เดินถือจานมาเสริฟ พร้อมแนะนำวิธีใช้เตาย่าง ชอบเตาจริงๆเลย แล้วก็เดินวับหายไป คือร้านนี้ทุกโต๊ะจะมีกระดิ่งให้กด ถ้าต้องการเรียกก็กด สรุปร้านนี้มีคุณเธออยู่คนเดียวแน่ๆ เปรี้ยวดีหว่ะ ^^
ตัดภาพมาที่ช่วงการลิ้มรสกันเลย..
แค่ตอนที่คีบเนื้อมาลงที่ตะแกรง แล้วได้ยินเสียงซู่ พร้อมกลิ่นอ่อนๆของไขมันที่แทรกอยู่ตามเนื้อแดงค่อยๆละลายออกมาเป็นหยดเล็กๆที่เมื่อสัมผัสกับความร้อนก็ส่งกลิ่นหอมเย้ายวลใจ ทำเอาจิตใจเตลิดไปไหนต่อไหน เฝ้ารอเวลาที่สีแดงระเรื่อค่อยๆเปลี่ยนเป็นเป็นสีน้ำตาลปนเทา พร้อมเส้นไขมันที่เกรียมพอได้ที่ จับพลิกสักนิด แล้วนับ 1 – 10 ช้าๆในใจ จากนั้นก็คีบมาลงจานกระเบื้องเล็กๆที่ราดด้วยซอสบางๆ พลิกสักรอบให้น้ำซอสละเลงชิ้นเนื้อจนทั่ว แล้วก็ถึงเวลาที่ตั้งตารอคอย..
จังหวะที่ชิ้นเนื้อกำลังเคลื่อนเข้าปาก กลิ่นหอมก็กระแทกจมูกเข้าอย่างจัง ยังผลให้น้ำลายค่อยๆสอ เตรียมพร้อมเอนไซม์ทั้งหลายแหล่ เพื่อจัดการกับสิ่งที่กำลังเข้ามาในพื้นที่นี้ อ้ามมมมม… อื้มมมมม..
มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากจริงๆ เหมือนพวกการ์ตูนเชฟเลยเหอะ แบบว่าตาวิ้งๆ โลกทั้งโลกเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า ที่มีวัวตัวน้อยยืนเล็มหญ้าอยู่ ข้างๆมีคนคอยนวดให้ไขมันกระจายแทรกอยู่ตามร่องเนื้อ วิ้งๆๆๆ
ชิ้นเนื้อมันนุ่มมาก กัดเบาๆก็ขาดออกจากกัน เพราะไขมันที่แทรกอยู่ที่เนื้อนี่ล่ะ เคี้ยวเนื้อลิ้มรสก่อน แล้วคีบข้าวคำเล็กเข้าปาก ตามด้วยสลัดที่ผักสดเว่อร์ พร้อมกับซุปมิโซะ รสชาติกำลังดี และลืมไปไม่ได้ที่จะหยิบแก้วที่ถูกรินให้ปริ่มด้วยเบียร์ของเมือง takayama รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว.. โอยยยยย มีความสุขมากเลย วิ้งๆๆๆๆ
กินเสร็จก็จ่ายตังค์พร้อมร่ำลาเจ้าของร้านสาวสวย 🙂
แล้วแบตกล้องก็หมดพอดี โชคดีนะที่ไม่มาหมดระหว่างกิน จะเคืองมาก
กลับไปเอาแบตที่ที่พักแล้วจะเดินออกมาชมเมืองหน่อย ปรากฏว่าเดินกลับลงมาฝนตกหนักมากกกกก ไม่ค่อยอยากลุยเท่าไร นี่เพิ่งวันที่ 4 เองนะ ป่วยแล้วเดี๋ยวจะแย่เอา.. ก็เลยตัดสินใจพักผ่อนอยู่ที่ที่พักนี่ล่ะ นั่งเล่นเน็ต อัพเดตข่าวคราว แล้วก็ไปลงอ่างงงงง สบายใจเฉิบ
21:30
อาบน้ำ วางแผนการเที่ยว จดนู้นนี่
00:00
นอน เตรียมพร้อมตะลอนกันต่อในวันรุ่งขึ้น
ค่าใช้จ่าย |
JPY |
Breakfast Boxset |
370 |
Round trip ticket to Shirakawago |
4,300 |
Locker |
300 |
Shirakawago Museum |
300 |
Umbrella |
500 |
Lunch : Udon |
700 |
Hida Beef |
3,290 |
ค่าเดินทาง (JR,Metro, เติมเงิน suica) |
– |
กินจิปาถะ |
1,320 |
รวม |
11,080 |